Vehicle Tracking อาวุธลับของธุรกิจโลจิสติกส์

 “เมื่อโลจิสติกส์ มีแนวโน้มเติบโตตามอี – คอมเมิร์ซ”

ธุรกิจขนส่งด้วยระบบ โลจิสติกส์ ถือว่าเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มในการเติบโตค่อนข้างสูง ผลจากการขยายตัวของตลาดอีคอมเมิร์ซในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งจากข้อมูลของ "ซีบีอาร์อี" ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก ได้มีการแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มธุรกิจอี – คอมเมิร์ซในประเทศไทย ที่แสดงให้เห็นว่าเริ่มมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2562 โดยมีส่วนแบ่งราว ๆ 15 – 18 % ของยอดค้าปลีกทั้งหมด ทำให้มีการคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ในการเติบโตอย่างรวดเร็วของกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ในปีนี้ด้วยเช่นกัน สิ่งที่น่าจับตามองหลังจากนี้ก็คือเมื่อธุรกิจโลจิสติกส์มีการขยายตัวขึ้น ก็จะทำให้เกิดการแข่งขันที่สูงขึ้น เป็นเหตุผลที่เจ้าของหลายรายคงวางใจกับการวางแผนและการทำงานแบบเดิม ๆ ไม่ได้อีกต่อไป

ถึงเวลางัดอาวุธลับเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจนี้ให้แข็งแรงขึ้นอีกครั้ง ด้วยการเลือกตัวช่วยที่จะทำให้การบริการขนส่งสินค้า ยานพาหนะ และการทำงานในวงการโลจิสติกส์ไทยมีประสิทธิภาพมากขึ้น

“Vehicle Tracking” สนับสนุนความสำเร็จของธุรกิจโลจิสติกส์

ก่อนหน้านี้เราเคยสร้างบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับธุรกิจโลจิสติกส์ในมุม Success Story ของบริษัทขนส่งสินค้าอันดับต้น ๆ ในประเทศไทยอย่าง Nim Express กันไปแล้ว ซึ่งอาจทำให้คุณเข้าใจถึงความสำคัญและหัวใจในการทำธุรกิจขนส่งมากยิ่งขึ้น คราวนี้กลับมาเจาะลึกรายละเอียดเกี่ยวกับหนึ่งในโซลูชั่นที่เป็นตัวช่วยให้ระบบการทำงานด้านโลจิสติกส์อย่าง Vehicle Tracking กันบ้าง

Vehicle Tracking คือการนำเทคโนโลยี GPS (Global Positioning System) มาประยุกต์ใช้ให้มีความสามารถที่มากกว่าแค่การบอกตำแหน่งของรถ แต่ยังสามารถบอกได้ถึงพฤติกรรมของผู้ขับขี่ คำนวณระยะทาง แจ้งเตือนสถานะการทำงานต่าง ๆ ของรถได้ ซึ่งประโยชน์ที่ผู้ประกอบการจะได้รับจากเทคโนโลยีประเภทนี้ก็คือ

ระบุตำแหน่งยานพาหนะของทุกคันแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง แม้ในมุมที่ไร้สัญญาณก็สามารถเก็บข้อมูลเอาไว้ได้ และทันทีที่กลับเข้าสู่พื้นที่ที่มีสัญญาณปกติ ระบบก็จะทำงานอัพเดตข้อมูลทันที

2. ช่วยในการวางแผนขนส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพราะงานบริการคือการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า ระบบนี้จึงต้องมีการวางแผนการขนส่งสินค้าที่จะช่วยหลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัด และเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดเพื่อความรวดเร็วของงานบริการ 

3. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
สามารถตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ขับขี่ได้ ทั้งอัตราการเร่งความเร็ว การเบรกกระทันหัน การออกนอกเส้นทางเพื่อควบคุมมาตรฐานในการปฏิบัติหน้าที่ให้มีประสิทธิภาพ

4. ป้องกันค่าใช้จ่ายที่ไม่ควรเกิดขึ้น
สามารถวัดระดับน้ำมันที่ใช้ในการขับขี่จริงได้ และควบคุมการสิ้นเปลืองของเชื้อเพลิง

5. บำรุงรักษายานพาหนะตลอดเวลา
ตรวจสอบสถานะการทำงานของยานพาหนะ เช่น อุณหภูมิเครื่องยนต์ สถานะเซนเซอร์ต่าง ๆ เพื่อป้องกันการชำรุดของยานพาหนะ และยืดอายุการใช้งานอย่างคุ้มค่า

6. ใช้งานง่ายและรวดเร็ว
สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันเพียงปลายนิ้วสัมผัส           

“Vehicle Tracking จะนำมาพัฒนาธุรกิจให้เหนือกว่าคู่แข่งได้อย่างไร”

      หลายคนอาจจะยังไม่เห็นภาพว่าเทคโนโลยี Vehicle Tracking จะนำมาพัฒนาธุรกิจให้เหนือกว่าคู่แข่งได้อย่างไร?   จริง ๆ แล้ว Vehicle Tracking นั้น เป็นได้มากกว่าเทคโนโลยีที่จะมาพัฒนาระบบการขนส่งสินค้า ให้มีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จ ด้วยพื้นฐานที่เข้าใจความต้องการของลูกค้า และยังเข้าใจเกี่ยวกับการบริการ จึงเปรียบเสมือนว่าเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของคุณ

เราขอยกตัวอย่างง่าย ๆ หากคุณกำลังจัดการกับธุรกิจโลจิสติกส์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ผลลัพธ์ที่ได้ คือ การขนส่งสินค้าเป็นไปตามเวลาที่กำหนด คุณสามารถวางแผนจัดการการทำงานในขั้นตอนต่อ ๆ ไปโดยไม่กระทบแผนการทำงานที่วางเอาไว้  การจัดส่งในธุรกิจของคุณจะมีมาตรฐานการทำงานที่ชัดเจนจนเกิดความไว้วางใจในการทำธุรกิจมากขึ้น ฯลฯ

Vehicle Tracking จะช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น เช่น การสิ้นเปลืองค่าน้ำมันเกินจริงจากการไม่วางแผนการเดินทางหรือค่าบำรุงรักษาพาหนะเมื่อยังไม่ถึงเวลาอันสมควร รวมไปถึงพฤติกรรมการทำงานของพนักงานขับรถที่คุณยังสามารถตรวจสอบเพื่อเช็กยอดค่าใช้จ่ายในระหว่างการทำงานได้เช่นเดียวกัน

เหล่านี้เป็นตัวอย่างให้คุณได้เห็นภาพผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเมื่อเลือกใช้ Vehicle Tracking ควบคู่ไปกับการวางแผนการทำธุรกิจที่เหมาะสม เมื่อคุณมีผู้ช่วยที่เข้าใจปัญหาในธุรกิจ และสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้อย่างมืออาชีพแล้ว ก็เหมือนคุณมีอาวุธลับที่จะพัฒนาธุรกิจของคุณไปสู่ความสำเร็จได้ยาก

สนใจข้อมูลเพิ่มเติม หรือต้องการปรึกษาเกี่ยวกับ Vehicle Tracking คลิก